Important Information
This website is managed by Ultima Markets’ international entities, and it’s important to emphasise that they are not subject to regulation by the FCA in the UK. Therefore, you must understand that you will not have the FCA’s protection when investing through this website – for example:
Note: Ultima Markets is currently developing a dedicated website for UK clients and expects to onboard UK clients under FCA regulations in 2026.
If you would like to proceed and visit this website, you acknowledge and confirm the following:
Ultima Markets wants to make it clear that we are duly licensed and authorised to offer the services and financial derivative products listed on our website. Individuals accessing this website and registering a trading account do so entirely of their own volition and without prior solicitation.
By confirming your decision to proceed with entering the website, you hereby affirm that this decision was solely initiated by you, and no solicitation has been made by any Ultima Markets entity.
I confirm my intention to proceed and enter this websiteในโลกของการเทรดคู่เงิน แพลตฟอร์ม MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากเทรดเดอร์ทั่วโลก ด้วยฟีเจอร์ที่ทรงพลังและการใช้งานที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม สำหรับนักเทรดมือใหม่ นอกจากความสามารถของแพลตฟอร์มแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเทรด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อกำไรจริง
ค่าคอมมิชชันในการเทรด คือค่าธรรมเนียมที่เทรดเดอร์ต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์เมื่อมีการเปิดคำสั่งซื้อขาย โดยทั้งบนแพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 โครงสร้างของค่าคอมมิชชันจะแตกต่างกันไปตามแต่ละโบรกเกอร์ โดยทั่วไป ค่าคอมมิชชันอาจถูกเรียกเก็บในรูปแบบของ จำนวนเงินคงที่ หรือ เปอร์เซ็นต์จากมูลค่าการซื้อขาย เช่น บางโบรกเกอร์อาจเรียกเก็บค่าคอมมิชชันคงที่ที่ $5 ต่อ 1 ล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย) ขณะที่บางรายอาจคิดเป็น 0.1% ของปริมาณการซื้อขาย
สำหรับนักเทรดที่มีความถี่ในการเทรดสูง อัตราค่าคอมมิชชันสามารถส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อ ต้นทุนรวม ของการเทรดได้ ดังนั้น เทรดเดอร์จึงควรเปรียบเทียบโครงสร้างค่าคอมมิชชันของแต่ละโบรกเกอร์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกใช้บริการ ทั้งนี้ บางโบรกเกอร์อาจมีบัญชีแบบ ไม่มีค่าคอมมิชชัน แต่ก็มักจะชดเชยด้วย สเปรดที่กว้างขึ้น หรือมี ค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ แทน
สเปรด หมายถึงส่วนต่างระหว่างราคา Bid (ราคาซื้อ) และราคา Ask (ราคาขาย) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้หลักของโบรกเกอร์ โดยบนแพลตฟอร์ม MT4 และ MT5 ขนาดของสเปรดอาจแตกต่างกันไปตาม คู่สกุลเงิน, สภาวะตลาด, และ นโยบายของโบรกเกอร์แต่ละราย โดยทั่วไป คู่สกุลเงินหลักอย่าง EUR/USD หรือ USD/JPY จะมีสเปรดที่แคบกว่า ในขณะที่คู่เงินประเภท Exotic หรือสกุลเงินของประเทศเกิดใหม่ อาจมีสเปรดที่กว้างกว่ามาก
สเปรดส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการเทรดของเทรดเดอร์ในแต่ละออร์เดอร์ ยกตัวอย่างเช่น หากคู่เงินมีสเปรดอยู่ที่ 2 pip เทรดเดอร์จะต้องให้ราคาขยับไปในทิศทางที่คาดอย่างน้อย 2 pip จึงจะคุ้มทุน กล่าวคือ ยิ่งสเปรดแคบ ต้นทุนการเทรดยิ่งต่ำ อย่างไรก็ตาม สเปรดไม่ใช่ค่าคงที่ และสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยขึ้นอยู่กับ ความผันผวนของตลาด หรือ ปริมาณการซื้อขาย ในช่วงเวลานั้นๆ
สวอป หรือดอกเบี้ยข้ามคืน คือค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยที่เทรดเดอร์ต้องจ่ายหรือได้รับเมื่อถือสถานะการซื้อขายไว้ข้ามคืน โดยเกิดจาก ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย ระหว่างสองสกุลเงินในคู่เงินที่ทำการเทรด เช่น หากคุณเปิดออร์เดอร์ “ซื้อ” สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า “ขาย” สกุลเงินที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า คุณจะต้อง จ่ายสวอป ในทางกลับกัน หากคุณถือสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า คุณอาจได้รับดอกเบี้ยเป็นบวก
สูตรโดยทั่วไปที่ใช้คำนวณคือ:
Swap = (ขนาดสัญญา × อัตราดอกเบี้ยฝั่งซื้อ / 365) – (ขนาดสัญญา × อัตราดอกเบี้ยฝั่งขาย / 365)
(บางโบรกเกอร์อาจใช้ 360 แทน 365)
สวอปมีผลกระทบต่อยอดเงินในบัญชีเทรดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกรณีที่ถือสถานะระยะยาว ดังนั้นเทรดเดอร์ควรพิจารณาค่าใช้จ่ายนี้ในการวางแผนกลยุทธ์การเทรดล่วงหน้าอย่างรอบคอบ
นอกจากค่าคอมมิชชัน สเปรด และสวอปแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น:
แม้ค่าธรรมเนียมเหล่านี้จะดูเล็กน้อย แต่หากสะสมไปเรื่อยๆ อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนรวมได้อย่างมีนัยสำคัญ
แม้ MT4 และ MT5 จะถูกพัฒนาโดย MetaQuotes เหมือนกัน แต่ก็มีโครงสร้างต้นทุนที่แตกต่างกันเล็กน้อย:
เมื่อเลือกใช้งานระหว่าง MT4 และ MT5 เทรดเดอร์ควรตัดสินใจจาก ความต้องการในการเทรด และ ความอ่อนไหวต่อค่าใช้จ่าย หากคุณเน้นการเทรดคู่เงินเป็นหลักและต้องการลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์ม MT4 อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
แต่หากคุณต้องการ ฟีเจอร์ขั้นสูง และต้องการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายกว่า เช่น หุ้น ฟิวเจอร์ส หรือสินค้าโภคภัณฑ์ MT5 อาจตอบโจทย์ได้มากกว่าไม่ว่าคุณจะเลือกแพลตฟอร์มใด การทำความเข้าใจและบริหารจัดการต้นทุนที่เกี่ยวข้องให้ดี ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรดระยะยาว
ข้อสงวนสิทธิ์: เนื้อหานี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลเท่านั้น และมิได้ถือเป็นการให้คำแนะนำทางการเงิน การลงทุน หรือคำแนะนำทางวิชาชีพอื่นใด อีกทั้งไม่ควรถือว่าข้อความหรือความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารนี้เป็นการแนะนำจาก Ultima Markets หรือผู้เขียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์การลงทุน กลยุทธ์ หรือธุรกรรมเฉพาะใดๆ ผู้อ่านไม่ควรพึ่งพาเนื้อหานี้เพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจลงทุน และควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญอิสระหากเห็นสมควร